โครงการตามพระราชประสงค์ หมายถึง โครงการที่ทรงศึกษาปฏิบัติส่วนพระองค์กับผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์สาขาต่างๆ เมื่อได้ผลดีแล้วจึงทรงนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน
โดยโครงการแพทย์พิเศษตามพระราชประสงค์ เริ่มเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๗ เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของราษฎรที่นิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส นิคมนี้มีสถานีอนามัยเพียงแห่งเดียว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กระทรวงสาธารณสุขจัดแพทย์หมุนเวียนเข้าไปบริการตรวจรักษา แพทย์และเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาล นราธิวาส และโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก ออกไปปฏิบัติการสัปดาห์ละ ๒ ครั้ง เป็นประจำ
เราจะพามารู้จักโครงการแพทย์พิเศษตามพระราชประสงค์
1.แพทย์หลวงเคลื่อนที่พระราชทาน โครงการพระราชดำริโครงการนี้เกิดขึ้นใน พ.ศ. 2510 เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐาน ประทับแรม ณ พระราชวังไกลกังวล หัวหิน ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล เครื่องมือ เครื่องใช้ ตลอดจนยารักษาโรค ไปยังท้องถิ่นทุรกันดารในจังหวัดเพชรบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้น ซึ่งในขณะนั้นยังไม่มีหน่วยแพทย์ของทางราชการเข้าไปถึง เพื่อให้การตรวจรักษาราษฎร โดยไม่คิดมูลค่าใด ๆ

นอกจากนี้ในโครงการหน่วยแพทย์พระราชทาน ยังมีการจัดอบรมหมอหมู่บ้านนั้น ๆ เพื่อช่วยให้ราษฎรมีความรู้เกี่ยวกับการป้องกันโรคภัยต่าง ๆ และรู้จักวิธีรักษาพยาบาลแผนปัจจุบันอย่างถูกต้อง รวมทั้งยังมีการอบรมให้ราษฎรรู้จักการติดต่อกับหน่วยราชการในกรณีที่อาการบาดเจ็บหรือความเจ็บป่วยนั้น ๆ มีความรุนแรงเกินขีดจำกัด ซึ่งนับว่าเป็นโครงการพระราชดำริที่สามารถช่วยประชาชนในประเทศได้อย่างยั่งยืนจริง ๆ

ภาพจาก สสส.
โดยจำแนกได้ว่า โครงการหน่วยแพทย์พระราชทาน สามารถแก้ไขได้ทั้งปัญหาด้านสุขภาพอนามัยของราษฎร และแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศชาติด้วย เพราะทรงเล็งเห็นว่า การเจ็บป่วยเป็นอุปสรรคของการประกอบอาชีพ โดยเฉพาะเหล่าเกษตรกรที่มักจะต้องใช้กำลังในการทำงาน ดังนั้นเมื่อได้รับการบำบัดรักษาให้มีสุขภาพพลานามัยที่ดีแล้ว ราษฎรเหล่านั้นก็จะสามารถต่อสู้กับงานหนักในการประกอบอาชีพได้ ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจส่วนรวมของสังคมดีขึ้นสืบไป



ภาพจาก kanchanapisek.or.th
4.แพทย์พิเศษตามพระราชประสงค์ เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงได้ศึกษาและปฏิบัติส่วนพระองค์กับผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์สาขาต่าง ๆ จนได้ผลดีแล้วจึงนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน
โดยโครงการแพทย์พิเศษตามพระราชประสงค์เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2517 เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของราษฎรที่นิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส ซึ่งในขณะนั้นมีสถานีอนามัยเพียงแห่งเดียว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กระทรวงสาธารณสุขจัดแพทย์หมุนเวียนเข้าไปบริการตรวจรักษา พร้อมด้วยแพทย์และเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลนราธิวาส และโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก ออกไปปฏิบัติการสัปดาห์ละ 2 ครั้งเป็นประจำ

ภาพจาก สำนักงาน กปร.
5.ศัลยแพทย์อาสาราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2518 หลังจากที่เปิดโครงการแพทย์พิเศษตามพระราชประสงค์ใน พ.ศ. 2517 แพทย์ที่อาสาสมัครซึ่งเป็นแพทย์อาวุโสและมีประสบการณ์มาก เล็งเห็นความสำคัญและความจำเป็นที่จะต้องมีศัลยแพทย์อาสาไปช่วยปฏิบัติงาน ณ โรงพยาบาลประจำจังหวัดสกลนคร ในช่วงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสด็จฯ แปรพระราชฐาน ประทับที่พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จึงได้มีการศึกษาหาข้อมูล และความต้องการของโรงพยาบาลและหน่วยงานต่าง ๆ ในด้านศัลยกรรม และรวบรวมจัดทำทำเนียบศัลยแพทย์อาสา แล้วก่อตั้งวิทยาลัยศัลยแพทย์ขึ้น โดยในภายหลังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงรับวิทยาลัยศัลยแพทย์ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์และเปลี่ยนชื่อเป็นราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย

6.แพทย์ หู คอ จมูก และโรคภูมิแพ้พระราชทาน โครงการพระราชดำริโครงการนี้จัดตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2522 โดยเริ่มมาจากทรงเห็นว่ามีราษฎรจำนวนมากที่ป่วยด้วยโรคหู คอ จมูก และโรคภูมิแพ้ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน จึงโปรดเกล้าฯ ให้จัดหน่วยแพทย์อาสาสมัครในโรคดังกล่าว ผลัดกันออกไปปฏิบัติหน้าที่ประจำโรงพยาบาลประจำจังหวัดที่เสด็จฯ แปรพระราชฐาน โดยอาศัยแพทย์หู คอ จมูก อาสาสมัครจากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลประจำจังหวัดนครราชสีมา และโรงพยาบาลประจำจังหวัดนครพนม ผลัดเปลี่ยนกันมาปฏิบัติราชการชุดละ 2 สัปดาห์ โดยเริ่มที่จังหวัดนราธิวาสก่อน ต่อมาก็ขยายการปฏิบัติงานไปยังจังหวัดสกลนคร และที่โรงพยาบาลค่ายกาวิละ จังหวัดเชียงใหม่


8.อบรมปฐมพยาบาลเบื้องต้น และการช่วยคลอดฉุกเฉิน โครงการพระราชดำริ สำหรับตำรวจจราจร
เริ่มแรกตำรวจจราจรในโครงการพระราชดำริ เป็นโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องจากทรงเป็นห่วงพสกนิกรในเรื่องปัญหาการจราจร จึงพระราชทานแนวทางปฏิบัติให้แก่ตำรวจเพื่อเป็นแนวคิดไปใช้ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และพระราชทานทุนจากทรัพย์สินส่วนพระองค์ในการจัดหาเครื่องมือเครื่องใช้ รถจักรยานยนต์พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และพัฒนาบุคลากรเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาจราจรอันจะบรรเทาความเดือดร้อนของพสกนิกรได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์และมีประสิทธิภาพ ได้ผลดียิ่งขึ้น โดยโครงการนี้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2536 เรื่อยมา
แต่นอกจากปัญหาที่เกิดจากสภาพการจราจรแล้ว ยังพบความเดือดร้อนของประชาชนซึ่งต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เช่น การนำผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บ หญิงใกล้คลอดส่งโรงพยาบาล รวมถึงการคลอดฉุกเฉิน ดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรต้องได้รับการฝึกอบรมให้เกิดทักษะ ความรู้ ความชำนาญเกี่ยวกับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและการทำคลอดฉุกเฉิน เพื่อนำไปช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน สำหรับการฝึกอบรม จะฝึกปฏิบัติการช่วยเหลือฉุกเฉินเบื้องต้น การช่วยชีวิตพื้นฐาน การฝึกและทดสอบปฏิบัติการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน การป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค การช่วยเหลือการคลอดในสถานการณ์ต่าง ๆ และการดูแลทารกแรกคลอดก่อนนำส่งโรงพยาบาล
ทั้งนี้ขออัญเชิญพระบรมราโชวาทที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำรัสแก่ผู้สำเร็จการศึกษาสาขาแพทยศาสตร์ตอนหนึ่ง ซึ่งมีความว่า...
“จึงใคร่ขอร้องให้ทุก ๆ คนตั้งใจ และพยายามปฏิบัติหน้าที่ให้ได้ผลสมบูรณ์จริง ๆ อย่าปล่อยให้กำลังของชาติต้องเสื่อมถอยลงเพราะประชาชนเสียสุขภาพอนามัย”
จะเห็นได้ว่าพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชนั้นล้นเกล้าล้นกระหม่อมอย่างแท้จริง เพราะทรงห่วงใยความเป็นอยู่ของพสกนิกรในทุกด้าน โดยไม่เคยคิดจะทอดทิ้งประชาชนไทยเลยแม้สักคนเดียว และเชื่อว่าเราทุกคนต่างรู้สึกเหมือนกันว่า...เราโชคดีเหลือเกินที่ได้เกิดในรัชกาลที่ 9...
แหล่งที่มาของข้อมูล : http://health.kapook.com/view159155.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น